หลักกฎหมาย
1.ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น
หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้
2.ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้
3.ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลั
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรื
(2)
ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3)
ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4)
ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรั
4.ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น
จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่
ข้อเท็จจริง
นายชอบพาสุนัขของตนไปเดินเล่นที
คำถาม
ให้วินิจฉัยว่า นายชอบมีความผิดฐานใดบ้าง
ก.
ชิงทรัพย์
ข.
ทำร้ายร่างกาย
ค.
ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย
ง. ชิงทรัพย์
ทำร้ายร่างกาย
เรามาวิเคราะห์หลักกฎหมายกันก่อนนะครับ
ลักทรัพย์เป็นความผิดที่สำคัญมากความผิดหนึ่งครับ
องค์ประกอบของลักทรัพย์ มีอยู่ว่า
(1) เป็นการเอาไป
(2) ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น
หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
(3) โดยทุจริต
ดังนั้น
การเอาไปซึ่งทรัพย์ของตนเอง จะมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้หรือไม่ครับ คำตอบ ก็คือ
ไม่ได้ครับ ดังนั้นเราได้หลักกฎหมายอาญาข้อหนึ่งที่สำคัญละครับว่า
การกระทำจะมีความผิดได้ต่อเมื่อกระทำครบองค์ประกอบของฐานความผิด
หากการกระทำไม่ครบองค์ประกอบของฐานความผิดเท่ากับว่าไม่มีความผิดฐานนั้นครับ
ต่อมาต้องดูว่า
ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดอื่นดังนี้
1.ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
2.ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานชิงทรัพย์
ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย
หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1)
ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2)
ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3)
ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4)
ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
3.ชิงทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานปล้นทรัพย์
ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
ดังนั้น
จะเป็นปล้นทรัพย์ได้ต้องเป็นชิงทรัพย์มาก่อน
และจะเป็นชิงทรัพย์ได้ต้องเป็นลักทรัพย์มาก่อนเช่นกัน
ในกรณีคำถาม
แม้นายชอบเห็นสุนัขเดินอยู่ข้างถนนเข้าใจว่าเป็นสุนัขของนายชื่น แต่สุนัขที่นายชอบอุ้มขึ้นรถมาคือ
สุนัขของนายชอบเอง ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของนายชอบจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์
ดังนั้นการที่นายชอบทำร้ายนายชื่นจนบาดเจ็บ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
การกระทำของนายชอบมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้นครับ
ตอบข้อ ข. ครับ
เก่งมากๆๆๆครับสำหรับผู้ตอบคำถามได้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คำตอบไม่ใช่จุดสุดท้าย
กระบวนการหาคำตอบต่างหากที่สำคัญ
เราต้องรู้จักคิดและวิเคราะห์ระมัดระวังกับถ้อยคำทางกฎหมายนะครับ หวังว่า
ความรู้วันนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ^^
1 ความคิดเห็น:
เรามาวิเคราะห์หลักกฎหมายกันก่อนนะครับ
ลักทรัพย์เป็นความผิดที่สำคัญมากความผิดหนึ่งครับ องค์ประกอบของลักทรัพย์ มีอยู่ว่า
(1) เป็นการเอาไป
(2) ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
(3) โดยทุจริต
ดังนั้น การเอาไปซึ่งทรัพย์ของตนเอง จะมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้หรือไม่ครับ คำตอบ ก็คือ ไม่ได้ครับ ดังนั้นเราได้หลักกฎหมายอาญาข้อหนึ่งที่สำคัญละครับว่า การกระทำจะมีความผิดได้ต่อเมื่อกระทำครบองค์ประกอบของฐานความผิด หากการกระทำไม่ครบองค์ประกอบของฐานความผิดเท่ากับว่าไม่มีความผิดฐานนั้นครับ
ต่อมาต้องดูว่า ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดอื่นดังนี้
1.ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
2.ลักทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานชิงทรัพย์
ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(4) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ
(5) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
3.ชิงทรัพย์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของความผิดฐานปล้นทรัพย์
ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
ดังนั้น จะเป็นปล้นทรัพย์ได้ต้องเป็นชิงทรัพย์มาก่อน และจะเป็นชิงทรัพย์ได้ต้องเป็นลักทรัพย์มาก่อนเช่นกัน
ในกรณีคำถาม แม้นายชอบเห็นสุนัขเดินอยู่ข้างถนนเข้าใจว่าเป็นสุนัขของนายชื่น แต่สุนัขที่นายชอบอุ้มขึ้นรถมาคือ สุนัขของนายชอบเอง ไม่ใช่ทรัพย์ของผู้อื่น ดังนั้น การกระทำของนายชอบจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ดังนั้นการที่นายชอบทำร้ายนายชื่นจนบาดเจ็บ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของนายชอบมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้นครับ
ตอบข้อ ข. ครับ
เก่งมากๆๆๆครับสำหรับผู้ตอบคำถามได้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คำตอบไม่ใช่จุดสุดท้าย กระบวนการหาคำตอบต่างหากที่สำคัญ เราต้องรู้จักคิดและวิเคราะห์ระมัดระวังกับถ้อยคำทางกฎหมายนะครับ หวังว่า ความรู้วันนี้คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ^^
แสดงความคิดเห็น